เรียน IELTS พร้อมวิธีพิชิต 7.0+ ได้จริง
การสอบ IELTS (International English Language Testing System) ในประเทศไทยถูกจัดขึ้นโดย British Council และ IDP: IELTS Australia ปัจจุบันมหาวิทยาลัย (หลักสูตรนานาชาติ) ในประเทศไทย หรือ สถานศึกษาในต่างประเทศต่างก็กำหนดให้ผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในสถานศึกษานั้นๆยื่นผลคะแนน IELTS กันมากขึ้นเพื่อวัดระดับความรู้ความสามารถภาษาอังกฤษ ผู้สอบยังสามารถนำผลคะแนนไปยื่นเพื่อทำงานทั้งใน และต่างประเทศได้เช่นกัน
ข้อสอบ IELTS ถูกแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
General Training Module
ผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา หลักสูตรระยะสั้น ทำงาน หรือ ขอสัญชาติ จะสอบIELTS ประเภทนี้ เนื่องจากว่าการสอบประเภทนี้เป็นการวัดทักษะภาษาอังกฤษระดับทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
Academic Module
เนื่องจาก Module นี้จะเน้นภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ การสอบประเภทนี้จึงถูกใช้เพื่อการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาหรือสูงกว่าในมหาวิทยาลัยนานาชาติภายในประเทศหรือมหาวิทยาลัยทั่วไปในต่างประเทศ
การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของ IELTS จะแบ่งเป็น 4 ส่วนซึ่งจะวัด 4 ทักษะ ได้แก่
Listening
(การฟัง)
Reading
(การอ่าน)
Writing
(การเขียน)
Speaking
(การพูด)
คะแนนเต็มของแต่ละส่วนคือ 9 และ คะแนนรวมของทั้ง 4 ส่วนนั้นจะถูกคำนวณออกมาเป็นค่าเฉลี่ย โดยมีคะแนนเต็ม 9 เช่นกัน แบ่งออกเป็น 4 Part มีรายละเอียด ดังนี้
(ฟังเนื้อเรื่อง 30 นาทีและตอบคำถาม 10 นาที)
ผู้สอบจะต้องฟังเนื้อเรื่องจากเทปเนื้อเรื่องประกอบด้วยการสนทนาและบทพูดรวมทั้งความหลากหลายของการออกเสียงและสำเนียงท้องถิ่นที่ปะปนกัน ผู้สอบจะได้ฟังบทสนทนา 1 ครั้งและมีเวลาให้ในการอ่านและตอบคำถาม
– Academic Reading เนื้อเรื่องมีทั้งหมด 3 เรื่องประกอบไปด้วยเนื้อหาที่นำมาจากหนังสือ นิตยสาร บทความและหนังสือพิมพ์โดยเน้นเขียนให้ผู้อ่านที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ข้อสอบ 1 ชุดจะมีจำนวนนี้อย่างน้อยที่สุดจะมีเรื่องหนึ่งที่มีลักษณะเชิงอภิปราย
– General Training Reading เนื้อหาการอ่านส่วนใหญ่เน้นสิ่งที่พบในชีวิตประจำวันในต่างประเทศโดยนำมาจากหนังสือพิมพ์ โฆษณาและคู่มือการสอน และหนังสือต่างๆ โดยจะทดสอบความสามารถในการทำความเข้าใจและการใช้ข้อมูลของผู้สอบเป็นสำคัญ ข้อสอบจะประกอบไปด้วยข้อความยาว ๆ 1 ข้อความซึ่งเนื้อหาจะเป็นในทางอธิบายมากกว่าการอภิปราย
– Academic Writing แบ่งออกเป็น 2 ส่วนโดยในส่วนแรกผู้สอบจะต้องเขียนรายงานประมาณ 150 คำตามตารางและแผนภาพเพื่อแสดงความสามารถในการบรรยายและอธิบายข้อมูลส่วนที่ 2 ผู้สอบต้องเขียนเรียงความสั้นความยาวประมาณ 250 คำเพื่อโต้ตอบข้อคิดเห็นหรือปัญหาโดยแสดงความความสามารถในการอภิปรายโต้แย้งและใช้สำนวนการเขียนที่เหมาะสม
– General Training Writing แบ่งออกเป็น 2 ส่วนโดยในส่วนแรกผู้สมัครจะต้องเขียนจดหมายความยาวประมาณ 150 คำ เนื้อหาเกี่ยวข้องกับการสอบถามข้อมูลหรือการอธิบายสถานการณ์ต่างๆ ส่วนที่ 2 เป็นการเขียนเรียงความสั้นความยาวประมาณ 250 คำเพื่อแสดงความคิดเห็นหรือตอบปัญหาตามประเด็นที่ตั้งไว้
เนื้อหาการทดสอบการพูดจะเป็นการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวโดยผู้สมัครจะได้รับการประเมินในส่วนของการใช้ภาษาเพื่อตอบคำถามสั้นๆ พูดเกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคย และสามารถโต้ตอบกับผู้สัมภาษณ์ได้
โดยการสอบจะเรียงลำดับจาก Listening, Reading และ Writing ส่วน Speaking มักจะสอบในวันอื่น
คะแนนของการสอบ IELTS เริ่มตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 9.0 ซึ่งคะแนนนี้เรียกว่า Band Score โดยคะแนนที่ได้จะลงท้ายด้วย .0 หรือ .5 เท่านั้น ในการคำนวณคะแนนสอบจะนำคะแนนดิบ (Raw Score) มาแปลงค่า ซึ่งหากคำนวณได้ Band Score ลงท้ายด้วย .25 ระบบจะทำการปัดค่าเป็น .5 ให้โดยอัตโนมัติ และหากคำนวณได้ Band Score ลงท้ายด้วย .75 ระบบจะทำการปัดค่าเป็น .0 ให้โดยอัตโนมัติเช่นกัน ตัวอย่างเช่น หากคำนวณคะแนน Band Score ได้ 5.75 คะแนน ระบบจะออกใบรายงานผลคะแนนให้ที่ 6.0 เป็นต้น
ติดต่อสอบถามคอร์สการเรียนได้ที่
FIND A CLASS THAT’S RIGHT FOR YOU.
การเรียน IELTS ที่สถาบัน Kruchulatutor International มี 3 แบบด้วยกัน
เรียนเดี่ยว (Private)
เรียนคู่ (Semi)
Package เรียนเดี่ยว
(ฟรี 1 Hr)
หน่วยงานรับผิดชอบ ค่าสอบและสถานที่สอบ IELTS
หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดสอบ IELTS ในประเทศไทยประกอบไปด้วย 2 ศูนย์ทดสอบอันได้แก่
บริติช เคาน์ซิล ประเทศไทย
โทร 02 657 5678
ศูนย์ทดสอบในกรุงเทพฯอยู่ที่โรงแรมแลนด์มาร์ค นอกจากนี้ยังมีศูนย์สอบที่เชียงใหม่ ภูเก็ต และขอนแก่น
IDP Education Service
ทร 02 638 3111
ศูนย์ทดสอบในกรุงเทพฯอยู่ที่อาคารซีพี (สีลม) หรือใกล้เคียงศูนย์สอบในต่างจังหวัดอยู่ที่เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต และขอนแก่น
**โดยมีค่าสมัครสอบ 6,900 บาท**
เหตุผลที่ต้องเรียน IELTS ที่ Kruchulatutor International
-
รูปแบบคอร์สเรียนอันโดดเด่น คอร์สเดียวจบ เป็นคอร์สเรียนตัวต่อตัว
( Private เรียนเดี่ยว ) - ทีมผู้สอนทุกคนมีประสบการณ์ตรงกับการสอบ IELTS คะแนน 5+
- สอนครบทุกพาร์ท สอนสด หมดปัญหาเรื่องการตามไม่ทัน
- พาร์ท Writing ฝึกเขียนจริง พร้อมตรวจงานเขียนให้ทุกคนเพื่อให้มั่นใจได้ว่างานเขียนของคุณจะไม่มีจุดอ่อนที่ง่ายต่อการหักคะแนน และช่วยให้คุณทราบได้ว่ายังต้องมีอะไรบ้างที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อีก เพื่อให้มีโอกาสได้คะแนนสูง ๆ
- มีการทดสอบ Speaking Test เป็นรายบุคคลโดยติวเตอร์ต่างชาติที่เชี่ยวชาญการใช้ภาษาอังกฤษในบริบทของการพูดเป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจในการพูดมากยิ่งขึ้น และจะได้มีโอกาสเรียนรู้ด้วยว่า เราควรจะพูดในลักษณะใดจึงจะสามารถทำคะแนนได้ดี
- พิชิตการอ่านด้วย Passage ใกล้เคียงข้อสอบจริง ใครยังอ่านช้า ยังหาคำตอบไม่ทันเวลา คุณจะได้ฝึกวิธีการอ่านที่จะช่วยให้เราอ่านได้เก่งขึ้นกว่าเดิม
- เรามี Official Past Papers ให้ฝึกแบบไม่อั้น
- ครูผู้สอนทุกคนมีประสบการณ์ตรงกับการสอบ IELTS คะแนน 5+
- ประเมินผลเป็นรายบุคคล
- อัพเดทข้อมูล และแนวข้อสอบเกี่ยวกับ IELTS อย่างสม่ำเสมอ
- รู้วิธีการคำนวณคะแนนจึงสอนหลักในการตอบคำถามให้ถูกต้องได้
- เอาชนะข้อสอบพาร์ทการฟัง ด้วยการฝึกฟังกันแบบเต็ม ๆในคอร์สเรียน เพราะรูปแบบข้อสอบมักไม่มีตัวเลือกให้เราเลือกตอบ แต่กลับเป็นการเขียนเติมคำโดยส่วนใหญ่ จึงทำให้หลาย ๆ คนยังคงกังวลกับพาร์ทนี้ไม่ต่างไปจากพาร์ทอื่นๆ ในคอร์สเรียนจะช่วยให้คุณเข้าใจรูปแบบของข้อสอบและวิธีการเก็บคะแนนจากพาร์ทนี้ได้มากขึ้น
- ทบทวนบทเรียนง๊าย ง่าย ด้วยวิดีโอเฉลยแบบฝึกหัด พร้อมกับไฟล์เสียงสำหรับฝึกฝนพาร์ทการฟังจะดีกว่าไหม หากคุณสามารถทบทวนบทเรียนได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิม จากการอ่านหนังสือเพียงแค่อย่างเดียว สำหรับที่จุฬาติวเตอร์แล้วยังไม่พอค่ะ ต้องเสริมด้วยคลิปเฉลยแบบฝึกหัดข้อยาก พร้อมไฟล์เสียงของพาร์ทการฟังด้วย
- รับรองผล 0 คะแนนด้วยรูปแบบคอร์สเรียนที่เน้นสำหรับการติวสอบ สอนสดครบทุกพาร์ท ปรับพื้นฐาน Grammar ให้ตั้งแต่สัปดาห์แรกของการเรียน มีเทคนิคการทำข้อสอบ มีไฟล์เสียงสำหรับฝึกฟังพาร์ท Listening ซึ่งช่วยให้การทบทวนบทเรียนนั้นง่ายขึ้น มีการตรวจงานเขียนของนักเรียนเป็นรายบุคคล พร้อมการทดสอบการพูดในพาร์ท Speaking แบบตัวต่อตัว จึงทำให้เราสามารถรับรองผลได้สูงถึง 7.0คะแนน
- ช่วยวางแผนเรื่องการยื่นเข้ามหาวิทยาลัยทั้งใน และต่างประเทศ
- มีวัดผลก่อนเรียน และก่อนสอบจริง
สอบ IELTS ที่ British Council กับ IDP เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ศูนย์สอบของ IELTS ในประเทศไทยนั้นมีอยู่หลัก ๆ ด้วยกัน 2 ที่ คือ British Council และ IDP และยังคงเป็นที่สงสัยสำหรับใครอีกหลายคนว่าทั้งสองศูนย์สอบนี้มีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลมาคลายความสงสัยให้ทุก ๆ คนกันแล้ว
รายละเอียด | British Council | IDP |
---|---|---|
การจัดสอบ | ตัวแทนจัดสอบจากสหราชอาณาจักร | ตัวแทนจัดสอบจากออสเตรเลีย |
สถานที่สอบ | โรงแรม Landmark (ใกล้สถานีรถไฟฟ้านานา) | โรงเรียนมณเฑียร (ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง) กรณีสอบแบบ UKVI จะสอบที่ โรงแรม PULLMAN Sukhumvit |
อุปกรณ์ Listening Test | หูฟังส่วนตัว (มีสาย) | หูฟังส่วนตัว (ไร้สาย) |
นาฬิกาจับเวลา | หน้าจอดิจิตอล | หน้าจอดิจิตอล พร้อมแสดงกราฟของเวลาที่เหลือ |
สถานที่สอบ Speaking Test | โรงแรม Landmark (เปลี่ยนห้องสอบ) |
|
การรายงานผลคะแนน |
|
|
ค่าธรรมเนียมการสอบ | $60 ต่อรายวิชา คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,000 บาท อาจมีบวก-ลบเล็กน้อยแล้วแต่ค่าเงินของวันที่ทําการสมัคร (ราคาเท่ากันทุกวิชา) | ไม่เท่ากันในแต่ละวิชา มีทั้ง
|
เครื่องเขียนที่ใช้ในการสอบ |
ศูนย์สอบเตรียมไว้ให้ โดยต้องคืนเมื่อ สอบเสร็จแล้ว |
ศูนย์สอบเตรียมไว้ให้ และสามารถนํากลับ ได้ โดยไม่ต้องคืน |
เอกสารที่ต้องยนในวันสอบ | สําเนาบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต | บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตตัวจริง |
British Council และ IDP จะใช้ข้อสอบชุดเดียวกันในแต่ละรอบสอบ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเลยค่ะว่าข้อสอบของที่ไหนจะง่ายหรือยากกว่า คะแนนที่ได้จากการสอบไม่ว่าจะเป็นการสอบจาก British Council หรือ IDP ส่วนใหญ่แล้วก็สามารถนำไปใช้ยื่นได้อย่างเป็นสากลเหมือนกัน